Theerathon Bunmathan


"เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายพระกาฬทีมชาติไทย และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดใจยอมรับว่าเขาเองปลาบปลื้มสุด ๆ และอึ้งสุด ๆ เช่นกันที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีมชาติไทย พร้อมลั่นคำจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ทัพช้างศึกไปถึงฝั่งฝัน
แบ็คซ้ายที่ว่ากันว่าดีที่สุดของประเทศไทยในตอนนี้อย่าง ธีราทร บุญมาทัน ถูก "โค้ชซิโก้" เรียกตัวกลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้งในรอบหลายปี แถมยังมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้อีกต่างหาก ซึ่งงานนี้เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
ธีราทร บุญมาทัน กล่าวว่า "ปลื้มใจ ดีใจมากจริง ๆ ครับ ที่ได้รับโอกาสติดทีมชาติอีกครั้ง แถมยังได้รับความไว้วางใจจากพี่ซิโก้ให้เป็นกัปตันทีมอีกด้วย ผมสัญญาว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ทุก ๆ คนไว้ใจผม ผมจะพยายามช่วยทีมอย่างเต็มที่ให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด และต้องขอบคุณพี่ซิโก้มากจริง ๆ ครับ"
ทั้งนี้ "เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน เคยติดทีมชาติไทยอยู่ช่วงหนึ่ง ทว่าด้วยความห่าม และใจร้อนของเจ้าตัวส่งผลให้หลุดจากทีมชาติไปนาน ทว่าล่าสุดเจ้าตัวโตมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างเอกอุจนสามารถกลับมาติดทีมชาติไทยได้สำเร็จอีกครั้ง
Read More

Peerapat Notchaiya



พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา
แบ็กซ้ายดาวรุ่งฝีมือดี ขึ้นชื่อเรื่องความกตัญญูจาก สโมสรบีอีซี เทโรศาสน ถึงแม้อายุยังน้อยแต่ความสามารถนั้นไม่น้อยตาม จนไปเข้าตา โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง  เรียกตัวไปรับใช้ทีมชาติและได้เป็นส่วนหนึ่งของ ทีมช้างศึก ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 เขาเป็นใครมาจากไหนเราไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นกันเลยดีกว่า
บาส พีระพัฒน์ เขาคือใคร
พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา หรือ บาส เกิดวันที่ 4 กุมภาพันธ์  2536 ที่จังหวัดอยุธยา ปัจจุบันเป็นแบ็กซ้ายฝีเท้าดีสังกัดสโมสรมังกรไฟ บีอีซี เทโรศาสน ผู้อยู่เบื้องหลังในการทำประตูของทีมช้างศึก ซึ่งด้วยความสามารถและความมั่นใจในการเล่นเกมทำให้เขาติดทีมชาติตั้งแต่อายุยังน้อย 
ชีวิตครอบครัว นักบอลยอดกตัญญู
ด้วยความที่ต้องดูแลคุณแม่และครอบครัวตั้งแต่เด็กเพราะคุณพ่อเสียไปตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เจ้าบาสจึงได้รับพระราชทานรางวัลโล่เกียรติยศ รางวัลลูกดีเด่น สาขากตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อพ่อแม่ ประจำปี 2556 จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เจ้าบาสและครอบครัวเป็นอย่างมาก

เส้นทางการเล่นฟุตบอลของ บาส พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา
เจ้าบาสเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพ ไทยพรีเมียร์ลีก กับ สโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ ในปี 2554 จากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่ สโมสรบีอีซี เทโรศาสน จนถึงปัจจุบันกับตำแหน่งแบ็กซ้าย 
ต่อมาในปี 2556 เจ้าบาส ได้เข้ามารับใช้ทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก นอกจากนี้เขายังมีชื่อติดเป็นผู้เล่น เมื่อครั้งที่ทีมชาติไทยพบกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ในวันที่ 28 กรกฎาคม และสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ในวันที่ 7 สิงหาคม อีกด้วย ทั้งนี้เขายังทำหน้าที่ร่วมกับทีมชาติไทยชุด ยู-23 ปี ในการแข่งขันซีเกมส์ 2013 ซึ่งในปีนั้นประเทศไทยก็สามารถคว้าเหรียญทองมาได้เช่นกัน

ผลงานที่โดดเด่นของ บาส พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา
มาพูดถึงความสามารถของเจ้าบาสกันบ้าง ก่อนหน้านี้ โค้ชซิโก้ เคยพูดเกี่ยวกับความสามารถของเขาถึงขนาดให้ก้าวขึ้นมาเป็น ทายาทของ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายของทีมชาติชุดใหญ่ได้อย่างสบายเพราะความมั่นใจในการเล่นฟุตบอลของเขา โดยเฉพาะการเติมเกมรุกที่ดีกว่าเดิม และยังสามารถทำประตูให้แก่ทีมในเกมใหญ่ ๆ ได้อีกด้วย 
ปี 2557 โค้ชซิโก้ หัวหน้าผู้ฝึกสอนการแข่งขันเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก กลุ่มบี  ได้มีแผนเรียกพีระพัฒน์  มาร่วมทีมชาติแทน ธีราทร บุญมาทัน และประทุม ชูทอง ที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมกับ อาทิตย์ ดาวสว่าง นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมที่ทำให้สโมสรบีอีซี เทโรศาสน เอาชนะแชมป์เก่า สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป 3 ประตูต่อ 2 ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2557 
และล่าสุดกับการเป็นหนึ่งในนักเตะ ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 เจ้าตัวก็ไม่สามารถเก็บน้ำตาแห่งความดีใจกับความสำเร็จในครั้งนี้ได้ แถมยังบอกอีกว่าจะขออุทิศแชมป์นี้ให้แก่คุณพ่อที่เสียไป เพราะคุณพ่ออยากให้เขาเป็นนักฟุตบอล และยังมีแผนที่จะอุปสมบทในปีหน้าอีกด้วย

พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา ig
สำหรับแฟนคลับสามารถติดตามผลงานของเจ้าบาสได้ในอินสตาแกรม @bas_peerapat เชื่อว่าคุณจะได้เห็นทุกฝีเท้าของเขาเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีรูปภาพแซ่บ ๆ ให้หัวใจเต้นกันเป็นระยะ ๆ กันเลยทีเดียว


Read More

Narubadin Weerawatnodom




          ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม

 แบ็กขวาจอมบุกของทีมชาติไทย หนึ่งในฮีโร่ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 มาทำความรู้จักกับ ต้น นฤบดินทร์ พร้อม ๆ กันเลย

     
     เรียกว่าเป็นหนึ่งในฮีโร่ของแฟนบอลชาวไทยเลยทีเดียว สำหรับ ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม แบ็กขวาจอมบุกของทีมชาติไทย หลังเป็นกำลังสำคัญอีกคนที่พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งนอกจากความสามารถในด้านการเล่นแล้ว หนุ่มต้น ก็ยังเป็นผู้เล่นอีกรายที่เนื้อหอมใช่ย่อย ด้วยใบหน้าหล่อตี๋ที่เล่นเอาสาว ๆ หลายคนแอบกรี๊ด

          และหากใครอยากรู้ว่าประวัติ ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เป็นอย่างไรนั้น มาทำความรู้จักกับปราการหลังหน้าหล่อรายนี้ไปพร้อม ๆ กัน กับ 10 ข้อที่จะทำให้คุณรู้จัก ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม มากขึ้น

          1. ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 เป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบัน (2557) อายุ 20 ปี

          2. ต้น นฤบดินทร์ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต สาขาการ
จัดการ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต

          3. เขานักกีฬาฟุตบอลที่มีความสามารถโดดเด่น เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 11 ปี ก่อนติดทีมชาติไทยตั้งแต่รุ่นอายุ 12 ปี 13 ปี 16 ปี และทีมชาติไทยชุดอายุ 19 ปี

          4. เป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ ช่วงต้นปี พ.ศ. 2555 ก่อนเซ็นสัญญาย้ายมาเป็นนักเตะอาชีพให้แก่สโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน ในตำแหน่งกองหลัง

          5. ปัจจุบัน ต้น นฤบดินทร์ ได้เซ็นสัญญาย้ายค่ายไปร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สวมเบอร์ 13

          6. ต้น นฤบดินทร์ เป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมช้างศึกไทย สามารถเอาชนะมาเลเซียในรอบชิงชนะเลิศ จนคว้าแชมป์ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014

          7. อีกหนึ่งนักเตะเนื้อหอมจากทีมชาติไทย เพราะนอกจาก ต้น นฤบดินทร์ จะเป็นนักเตะฝีเท้าดีแล้ว ยังมีหน้าตาหล่อใส จนเรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ได้ไม่แพ้ ชาริล ชัปปุยส์ เลยทีเดียว

          8. เรียกได้ว่าหน้าตาดีกันทั้งบ้าน เพราะนอกจาก ต้น นฤบดินทร์ จะเป็นนักเตะสุดหล่อขวัญใจสาว ๆ แล้ว หนุ่มต้นก็ยังมีน้องสาวสุดหวงอย่าง ตาล นฤมล วีรวัฒโนดม ที่มีดีกรีเป็นพิธีกรรายการ สตรอเบอร์รี่ ชีสเค้ก ทางช่อง 3 อีกด้วย

          9. ต้น นฤบดินทร์ ประกาศชัดเจนว่าจุดเด่นของเขาไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์ แต่เป็นพรแสวงที่เกิดจากความขยันของตัวเองตามที่พ่อได้สอนไว้นั่นเอง

          10. แม้จะยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่หากใครคลิกเข้าไปในอินสตาแกรมของแบ็กขวารายนี้ ก็จะรู้ได้ว่า ต้น นฤบดินทร์ มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้วนะจ๊ะ แถมยังขยันโพสต์รูปคู่หวาน ๆ กันอีกด้วยสิ
















Read More

Charyl Chappuis



ชาริล ชัปปุยส์


          ประวัติ ชาริล ชัปปุยส์ นักฟุตบอลสุดหล่อ กองกลางรูปหล่อฝีเท้าเยี่ยม หนึ่งในนักกีฬาทีมชาติไทย อนาคตไกลที่ฟอร์มดี ทำประตูชัยในศึกซูซูกิคัพ 2014

          เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่แฟนฟุตบอลชาวไทยจะต้องร่วมกันส่งแรงใจไปเชียร์เหล่านักฟุตบอลทีมชาติไทย ให้สามารถคว้าชัยกีฬาฟุตบอลในศึกการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ และเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 ทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ก็สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม เอาชนะทีมชาติติมอร์ เลสเต ไปอย่างขาดลอยด้วยคะแนน 0-3

           ส่วนผลงานที่โดดเด่นล่าสุด ก็คงไม่พ้นการเป็นนักเตะทีมชาติสู้ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ที่ชาริล ชัปปุยส์ โชว์ฟอร์มเยี่ยม  ในนัดชิงวันที่ 17 ธันวาคม 2557 ซึ่งเขาได้ทำประตูชัยให้ไทยขึ้นนำมาเลเซียเป็น 2-0 เก็บคะแนนสะสมในรอบชิดนัดที่ 2 โดยนัดปิดท้าย ในวันที่ 20 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา หัวใจของแฟนบอลชาวไทยทุกคนก็ระส่ำระส่าย เมื่อมาเลเซียบุกทำแต้มถึง 3-0 แต่สุดท้ายในนาทีที่ 83 ชาริล ชัปปุยส์ ก็ทำประตูตีไข่แตก ทำให้คะแนนรวมเสมอกันอยู่ที่ 3-3 และปิดฉากการยิงด้วยฝีเท้าของชนาธิป ทำให้ประเทศไทยคว้าชัยมาได้สำเร็จ
         
          แน่นอนว่า ชาริล ชัปปุยส์ ไม่ได้มีดีแค่ภาพลักษณ์ที่หล่อเท่บาดใจเท่านั้น เพราะฝีเท้าของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ซึ่งเรื่องราวของนักเตะหนุ่มคนนี้จะเป็นอย่างไร แล้วเขามีดีกรีระดับโลกเลยจริงหรือ เราจึงขอนำเสนอประวัติของเขาให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้ทราบกัน 


ชาริล ชัปปุยส์ ประวัติคือใคร 


          ประวัติ ชาริล ชัปปุยส์ (Charyl Chappuis) เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ โดย ครอบครัว ชาริส ชัปปุยส์ โดยมีคุณพ่อเป็นชาวสวิตฯ และคุณแม่เป็นชาวไทย ชาริลเริ่มต้นหัดเล่นฟุตบอลกับคุณพ่อตั้งแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งมีโอกาสเริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนให้กับสโมสร FC Kloten ที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1999 (พ.ศ. 2542) จากนั้น 1 ปี เขาก็ย้ายมาอยู่สโมสร SC Young Fellows Juventus

          ต่อมาในปี 2003 (พ.ศ. 2546) ชาริล ชัปปุยส์ ก็ได้โอกาสเข้าสู่สโมสรระดับ Swiss Super League อย่าง Glasshopper ซึ่งถือเป็นทีมชั้นนำของประเทศ จนเมื่อปี 2009 (พ.ศ.2552) ก็เปลี่ยนจากนักเตะระดับเยาวชนสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรเต็มตัว และในปี 2011 (พ.ศ. 2554) เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ FC Locarno สโมสรใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรในไทยลีก ในปี 2013 (พ.ศ. 2556) ด้วยสัญญา 2 ปี แถมยังเป็นกำลังสำคัญของทีมปราสาทสายฟ้าในการคว้าแชมป์ต่าง ๆ ในปีนี้อีกด้วย

          ไม่เพียงผลงานในระดับสโมสรที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น ชาริล ชัปปุยส์ ยังมีผลงานกับทีมชาติถือเป็นการยืนยันทักษะฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของเขาเป็นอย่างดี โดยเขาเริ่มเข้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ชุด U15 และประสบความสำเร็จสุด ๆ กับทีมชาติด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกระดับ U17 ในปี 2009 (พ.ศ. 2546) แถมยังมีส่วนช่วยทีมครบทุกนัดในการแข่งขันรายการระดับโลกครั้งนี้ ด้วยผลงานยอดเยี่ยมดังกล่าวจึงทำให้ชาริลเคยตกเป็นข่าวกับสโมสรฟุตบอลระดับโลกทั้งฮัมบูร์กและยูเวนตุสเลยทีเดียว

          ชาริล ชัปปุยส์ เคยถูกเรียกให้เข้าร่วมทีมชาติไทย โดยวินฟรีด เชฟเฟอร์ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยเพื่อเข้าร่วมศึกฟุตบอล AFC Asian Cup 2015 แต่เนื่องจากเขาเคยเล่นให้กับทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรุ่น U17 มาก่อน จึงต้องให้ฟีฟ่าพิจารณาการเปลี่ยนสัญชาติ ซึ่งไม่ทันกับการแข่งขันในครั้งนั้น จึงยังไมได้ร่วมแข่งขันในนามทีมชาติไทย

          หลังจากที่ฟีฟ่ารับรองให้ ชาริล ชัปปุยส์ เป็นนักเตะทีมชาติไทยเต็มตัว ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าฝึกสอนนักฟุตบอลทีมชาติไทยในขณะนั้น ก็เรียกให้ชาริลเข้าร่วมทีมชาติชุด U23 ซึ่งเขาได้ลงเล่นครั้งแรกในนามทีมชาติไทยชุด U23 อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อครั้งที่ต้อนรับการมาเยือนของสโมสรบาร์เซโลน่าในเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะเปิดตัวในนามทีมชาติอย่างเป็นทางการในนัดที่พบกับทีมชาติอูกันดา เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้รับใช้ทีมชาติอีกครั้งในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า

          สไตล์การเล่นฟุตบอลของ ชาริล ชัปปุยส์ เป็นที่ยอมรับในหมู่แฟนบอลและนักฟุตบอลด้วยกัน ด้วยทักษะของกองกลางที่ครบเครื่อง ทั้งทักษะการครองบอลที่ยอดเยี่ยม ความฉลาดหลักแหลมในแบบของกองกลางที่พลิกรูปเกมจากรับเป็นรุกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังจ่ายบอลแม่น เปิดบอลนิ่ง รวมถึงยิงประตูได้อย่างสวยงาม ซึ่งไอดอลในดวงใจของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคือ เชส ฟาเบรกาส ยอดกองกลางชาวสเปนแห่งสโมสร บาร์เซโลน่า ซึ่งมีสไตล์การเล่นแบบนี้เช่นกัน
          ขณะนี้ ชาริล ชัปปุยส์ กลายเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของทีมชาติไทยในชุดซีเกมส์ รวมถึงเป็นขวัญใจของแฟนบอลชาวไทยเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้แฟนบอลทั้งชายและหญิงคงเริ่มหันมาจับตามองนักฟุตบอลรูปหล่อคนนี้กันมากขึ้นแน่นอน

          ส่วนล่าสุดเมื่อวันที่ 17 และ 20 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ชาริล ชัปปุยส์ ก็โชว์ฟอร์มเยี่ยมอีกครั้ง ทำประตูในนัดชิงทั้ง 2 นัด ส่งผลให้ไทยคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 มาครอบครองได้สำเร็จ หลังจากรอคอยมานานถึง 12 ปีเลยทีเดียว.. ถือได้ว่าเป็น ชาริล ชัปปุยส์ เป็นนักเตะที่ทั้งหล่อ ทั้งฝีมือเยี่ยม น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้เลยล่ะ 


ชาริล ชัปปุยส์ ig

           หลังจากขึ้นแท่นเป็นพ่อนักเตะสุดฮอต บรรดาสาว ๆ ก็ตามหา อินสตาแกรม ชาริล ชัปปุยส์กันให้ควั่กเลยล่ะค่ะ ก็แหม.. หล่อขนาดนี้ ก็อยากจะดูรูปให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้างอิอิ สำหรับ อินสตาแกรม ชาริล ชัปปุยส์ นั่นชื่อ @charyl4  

ชาริล ชัปปุยส์ facebook 

           ส่วนเฟซบุ๊กของชาริล ชัปปุยส์ นั้น เชื่อเลยค่ะว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สาว ๆ อยากจะทราบ เพราะจะได้ไปคอมเม้นท์ ให้กำลังใจ กดไลค์ กดเลิฟ แต่ต้องบอกไว้เลยว่าเสียใจด้วย เพราะมีแต่เฟซบุ๊กแฟนคลับนะจ๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เข้าไปเสพภาพหล่อ ๆ และตามไปให้กำลังใจกันได้น้า ที่ Charyl Chappuis fanclub มีอัพเดทข่าวสารของ ชาวริล เพียบเลย 

  

ชาริล ชัปปุยส์
ชาริล ชัปปุยส์


ชาริล ชัปปุยส์


ชาริล ชัปปุยส์
ชาริล ชัปปุยส์

ชาริล ชัปปุยส์

ชาริล ชัปปุยส์

ชาริล ชัปปุยส์

ชาริล ชัปปุยส์

Read More

Chanathip Songkrasin


เมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์

          10 เรื่องน่ารู้ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซูเปอร์จิ๋วทีมไทย ฉายา เมสซี่เจ มาทำความรู้จักนักเตะร่างเล็กแต่ฝีเท้าขั้นเทพคนนี้กันเถอะ 

          ชนาธิป สรงกระสินธ์ แข้งร่างเล็กลีลาเหลือร้าย เจ้าของฉายา เมสซี่เจ และผู้ได้รับเลือกให้รับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ไซส์โหลดแบบนี้แต่มีดีเกินตัว งั้นลองมาทำความรู้จักกับ เจ ชนาธิป หรือ เมสซี่เจ คนนี้ให้มากขึ้น พร้อม 10 เรื่องน่ารู้ของเขากันหน่อยดีกว่า 


ประวัติ เมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์           ชื่อจริง : ชนาธิป สรงกระสินธ์ 
           ชื่อเล่น : เจ 
           วันเกิด : 5 ต.ค. 2536 (อายุ 21)
           น้ำหนัก : 59 กก.
           ส่วนสูง : 160 ซม.
           หมายเลขเสื้อ : 18 

10 เรื่องน่ารู้ของ 
เมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์           1. ผู้ปลุกปั้นให้ เจ ชนาธิป เข้าสู่วงการบอลได้คือพ่อจุ้ง คุณพ่อของเขา ที่ตั้งธงให้ลูกเป็นนักบอลไว้ตั้งแต่เจยังไม่คลอดเลยทีเดียว ปลุกปั้นให้เล่นบอลให้ฝึกซ้อมอย่างมีวินัยมาตั้งเด็ก ๆ 

           2. หลังจบ ม.3 ที่โรงเรียนสามพรานวิทยา พ่อจุ้งพาเจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสมัครเรียนโดยเลือกเฉพาะโรงเรียนที่มีทีมฟุตบอลอย่ในเกรดดีเยียม คือ เกรด ก. เท่านั้น แม้จะผิดหวังจากหลายที่เพราะอายุเกินบ้าง โครงการล่มบ้าง แต่สุดท้ายก็มาติดที่พาณิชยการราชดำเนิน ซึ่งมีทีมบอลเกรด ก. สมใจ และเจได้เป็นหนึ่งในทีมที่พาสถาบันคว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา 18 ปี ประเภท ก. สำเร็จในปี 2554

           3. "ตัวเล็กกว่าใคร แต่ลีลาบอลเหนือชั้นกว่ารุ่นเดียวกัน" นี่คือสิ่งที่พ่อจุ้งบอกถึงความโดดเด่นในตัวลูกชาย ขณะเจอายุ 16 ปี หลังตามดูบอลรุ่นปี 36 มาหมด แม้นักเตะตัวสูงใหญ่ แต่เรื่องทางบอลลูกชายยังคงได้เปรียบ รออายุ 17-18 เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เจ ชนาธิป ครบเครื่องแน่ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ 

           4. ด้วยความสูงแค่ 160 เซนติเมตร เจ ชนาธิป เคยถูกปฏิเสธร่วมทีมทีโอที เอฟซี ด้วยเหตุผลว่าตัวเล็กไป แต่สุดท้ายก็ได้เข้าทีมเยาวชนของสโมสรดังแห่งลีกไทยอย่าง บีอีซี เทโรศาสน และสร้างผลงานเพียบ 

           5. จุดแข็งของเจอยู่ที่การลากเลื้อย หลบหลีกฉีกแผงหลังคู่ของฝ่ายตรงข้ามออกเป็นวิ่น ๆ ได้ เรียกได้ว่าเล็กแต่ว่องไว จิ๋วแต่แจ๋วจริง ๆ


           6. แจ้งเกิดในวงการบอลไทยเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่น่าจับตามอง ในลีกซูซูกิ คัพ 2012 ด้วยวัย 19 ปี กับตำแหน่งปีกซ้าย โชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างน่าประทับใจ สะดุดตาคอบอลเป็นที่สุด 

           7. ที่มาของฉายา "เมสซี่เจ" มาจากสไตล์การเล่นที่ละม้ายคล้ายคลึงกับยอดนักเตะ ลิโอเนล เมสซี่ แถมยังถนัดซ้ายเหมือนกันด้วย เลยเอาชื่อ เมสซี่+เจ กลายเป็น เมสซี่เจ 

           8. แต่เอาเข้าจริง ๆ เจ เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ค่อยชอบให้คนเรียกเขาว่า เมสซี่เจ เท่าไร เพราะเขาก็มีชื่อจริง ๆ ของตัวเอง และลีลาการเล่น การคิด และทำ ก็เป็นแบบ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ต่างหาก แต่อย่างน้อยก็ยินดีที่มันเป็นชื่อที่เรียกด้วยความชื่นชมยกย่อง 

           9. เป็นผู้ยิง 2 ประตูให้ทีมชาติไทยชนะมาเลเซียไปด้วยสกอร์รวม 4-3 ในศึกซูซูกิคัพ 2014 และได้รับเลือกให้รับตำแหน่ง MPV หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำลีก จากการโชว์ลีลาอันน่าประทับได้ตลอดการแข่งขัน 

           10. พ่อจุ้งแอบกระซิบบอก สาวที่จะมาดูแลลูกชายได้ต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริง ๆ เท่านั้น บอกกันตามตรงว่าไม่เคยฝึกให้ลูกชายทำงานบ้าน สอนแต่เล่นบอลอย่างเดียว ว่าที่สะใภ้จึงต้องเก่งงานบ้านงานเรือน ดูแลเจได้ ดูแลบ้านได้ จึงจะเข้ากันได้ดี ..เอ้า สาว ๆ ทราบแล้วเปลี่ยนนะจ๊ะ  :D





Read More

Sarach Yooyen

        ประวัติ


สารัช อยู่เย็น ชื่อเล่นว่า ตัง เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ที่จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลเจริญพงษ์ จ.สมุทรปราการ ก่อนที่จะย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการในระดับชั้นประถมศึกษา จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา และศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ก่อนจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สารัชเริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยเล่นเพื่อความสนุกสนานกับคุณพ่อและเพื่อนๆ และได้ตามไปดูคุณพ่อเล่นฟุตบอลบ่อยครั้งจนทำให้เขาเริ่มลงสนามฝึกซ้อมอย่าง จริงจังตอนอายุ 10 ขวบ ขณะเรียนอยู่ชั้น ป.5 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ โดยมีมาสเซอร์ นฤพล มาฬมงคล เป็นโค้ชคนแรก
เส้นทางฟุตบอลอาชีพของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นขณะที่เรียนชั้น ม.6 ช่วงใกล้ที่จะเรียนจะจบได้มีโอกาสเข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เงินเดือนที่ได้รับครั้งแรกกับอาชีพนักฟุตบอลคือ 15,000 บาท ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่เขาเป็นเด็กเยาวชนของสโมสรเมืองทองนั้นได้ถูกคาดหวัง จากทางสตาฟโค้ชว่าจะได้เป็นกำลังหลักของสโมสรเมืองทองในภายภาคหน้าด้วย เหตุผลนี้ทำให้ทางสโมสรเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด ส่งตัวเจ้าตังไปเก็บประสบการณ์กับทีมต่างๆอาทิเช่น ภูเก็ต เอฟซี และนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นตัวหลักให้สโมสรเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้อย่างดีเยี่ยม


ในนามทีมชาติ สารัช อยู่เย็น ได้ติดทีมชาติไทยในชุดเยาวชนทุกชุด และเข้าสู่อายุ 19 ปี สารัชก็ติดทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในขณะที่ถูกยืมตัวไปเป็นผู้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลจังหวัดภูเก็ต โดยมีประพล พงษ์พานิช เป็นผู้ควบคุมทีมชาติในขณะนั้น ผลงานของสารัชในนามทีมชาติไทยมีชื่อติดเรื่อยมา จนปี ค.ศ. 2013 ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอล แม่โขง คัพ แต่สารัชไม่มีชื่อติดในทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศเมียนมาร์ และในปีนั้นสารัชได้สร้างผลงานให้กับสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ได้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่รักใคร่ของแฟนบอลชาวนครราชสีมา
ต่อมาในปี ค.ศ. 2014 สารัชเข้าสู่ทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากมีผลงานที่ดีกับสโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จน เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกเข้าไปติดทีมชาติและได้พาทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบสี่ทีมสุดท้ายอีกครั้ง
และในปลายปี ค.ศ. 2014 ในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 สารัช อยู่เย็น ก็ร่วมเป็นหนึ่งในทีมชาติสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้
โดยเขาเคยกล่าวไว้ว่า
จุดสูงสุดของการค้าแข้งของผมอยากจะเป็นตัวหลักของทีมชาติไทย และสโมสรใหญ่ๆให้ได้นานที่สุดครับ สโมสรฟุตบอลต่างประเทศที่ชอบมากคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมมีไอดอลในการเล่นบอล คือ พอล สโคลส์ ซึ่งเขาเล่นอยู่ที่นั้น










Read More

MV “เชือกวิเศษ” ของ LABANOON

ผลงานของ สารัช อยู่เย็น
“ตังค์ - สารัช อยู่เย็น” โอด แอ๊คติ้งหิน เสียน้ำตากลางกองถ่าย MV “เชือกวิเศษ” ของ LABANOON
ได้ฤกษ์ลงจอให้ดูกันแล้วสำหรับทีเซอร์ MV ซิงเกิ้ลใหม่ของ 3 หนุ่ม “เมธี , อนันต์ , เมย์” วง ลาบานูน จากค่าย genie records ที่สร้างกระแสให้คนติดตามตั้งแต่คว้าตัว “ตังค์ – สารัช อยู่เย็น” กัปตันทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดเหรียญทองซีเกมส์สุดหล่อขวัญใจสาว ๆ ทั้งประเทศมารับบทพระเอกมิวสิกวิดิโอเป็นครั้งแรก และงานนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะทั้ง ตังค์ และ “อร – พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน” นางเอกมืออาชีพ ช่วยกันเค้นอารมณ์ตีบทแตกกระจุยตั้งแต่ซีนแรกที่ถ่ายทำ
เชือกวิเศษ เพลงช้าสไตล์ลาบานูนแต่งโดย กบ บิ๊กแอส หยิบยกเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวัง แม้จะพยายามเหนี่ยวรั้งยังไงหรือมีเชือกวิเศษมาผูกกันไว้สุดท้ายก็ต้องปล่อยเขาไปอยู่ดี ในส่วนเนื้อหาของมิวสิกฯ ผู้กำกับ หนุ่ย – ศุทธสิทธิ์ เดชอินทรนารักษ์ พูดถึงหนุ่มนักฟุตบอลที่มีความฝันอยากติดทีมชาติแต่วันหนึ่งเมื่อถึงจุดเปลี่ยนทำให้เค้าต้องเลือกระหว่าง “สิ่งที่รัก” กับ “คนที่รัก” เรื่องราวเล่าย้อนความหลังไปตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย งานนี้ทั้งคู่ต้องกลับไปสวมชุดเป็นนักศึกษาเฟรชชี่ปี 1 
สนุกสนานไปด้วยบรรยากาศรับน้อง ผู้กำกับแทบไม่ต้องสั่งอะไร ทั้งพระทั้งนางก็เฮฮาเสมือนโดนรับน้องจริงๆเลยทีเดียวแม้อากาศจะร้อนระอุก็ตาม แต่ความรักที่เหมือนจะไปด้วยดี ก็มาถึงซีนอารมณ์ ที่ ตังค์ ถึงกับกุมขมับ เพราะจะต้องเสีน้ำตาหน้ากล้องเป็นครั้งแรก!!! 
ขณะที่ถ่ายทำฉากนั้นก็ราว ๆ เที่ยงคืน แถมฝนเจ้ากรรมก็ดันมาตกปรอยๆ เรียกว่าทุกอย่างเป็นใจ ช่วยบิ้วให้ ตังค์ และ อร ถ่ายทอดฉากนี้ออกมาได้ดราม่าสุดๆ  พอผ่านฉากหินไปแล้ว ผกก.ก็ปรับอารมณ์ ตังค์ ด้วยการใส่ซีนฟุตบอลของถนัดลงไปงานนี้แทบไม่ต้องบรีฟอะไร ตังค์ โชว์สเต็ปเทพปล่อยลีลาทั้งเดาะทั้งเตะจนหนำใจถ่ายทำเสร็จ ตังค์เปิดใจว่า

ยอมรับเลยครับว่าการเล่นมิวสิกวิดิโอยากจริงๆอีกอย่างผมเองก็มีอาการเกร็งๆด้วยเพราะว่าไม่เคยเล่นมาก่อน การเตะฟุตบอลน่าจะเป็นสิ่งที่ผมถนัดมากกว่าแต่ยังไงก็ขอให้แฟนๆทุกคนติดตามผลงานMV เพลงเชือกวิเศษ ของพี่ๆวงลาบานูน ด้วยนะครับ

Read More
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

© Copyright ประวัตินักฟุตบอล